ใครที่เป็นสายติ่ง  สายแบ๊ว  สายกรี๊ดนักร้องเกาหลี  โดยเฉพาะไอดอลสาวๆที่หุ่นดี   ผิวสวย  เมคอัพปังได้ใจจะต้องสะดุดตากับสีปากของสาวๆเหล่านี้เป็นแน่   พวกเธอมักจะมีเรียวปากบางนุ่มน่าจุ๊บ  โดดเด่นด้วยการไล่เฉดสีเข้มไปอ่อนจากด้านในมาด้านนอก  อ่ะถ้ายังคิดไม่ออก  ไปดูรูปสาวๆเหล่านี้ให้อิจฉาเล่นๆกันก่อน

  

พี่แท  แทยอนแห่ง SNSD เลิฟลุคนี้ม๊ากกก




แม่หมี Tiffany SNSD ก็ไม่พลาด  จัดริมฝีปากน่าจุ๊บมาให้หลงกันบ่อยๆ


เจ้าของริมฝีปากอิ่ม Sunny SNSD เพิ่มเสน่ห์ด้วยเรียวปากไล่สีเหมือนกัน


เราก็สามารถมีเรียวปากแบ๊วๆน่าจุ๊บแบบนี้ได้ไม่ยากเลย  มาดูวิธีกัน  โดยต้องเตรียม…

          – แปรงทาลิปสติก 
          – สีลิปสติกที่ชอบ สีชมพู สีแดง หรือสีส้มตามในภาพประกอบก็ได้ตามใจชอบ


– ใช้แปรงแตะที่ริมฝีปากด้านในทั้งบนและล่าง 
– ค่อยๆ เกลี่ยออกมาด้านล่างริมฝีปากตามเส้นประจากเลข 1 มาแถวที่ 2 
– ทำแบบเดียวกันกับริมฝีปากด้านบน ไม่ควรลากยาวมาจนถึงขอบปากนะจ๊ะ
– เกลี่ยให้สีพอดี ปากสวยน่าจุ๊บก็จะเป็นของเรา

มีทริคเสริมเล็กน้อย  ถ้าอยากเพิ่มความแวววาวแนะนำให้แตะ ลิปกลอส  บริเวณกึ่งกลางของริมฝีปาก  รับรองหวานสดใสขึ้นเยอะ


รูปภาพจาก  kxxhara, myipkn, world.tmall.com, xolovestephi, stylesweekly
เรียบเรียงโดย   MaryLiu
ที่มา   sanook

อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า สีผมในช่วงปลายปีนี้ กำลังอินเทรนด์สุดๆ ก็คือผมสีเทาควันบุหรี่นั่นเอง!!… อาจจะคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับการทำผมสีแฟชั่น ไม่จริงค่ะ! พูดได้เต็มปากเลยว่า ถ้าอยากทำอะไร ทำ!! ถ้าไม่โอ.เค. ก็แก้ใหม่ ไม่สายเกินกว่าจะแก้ 



ฟอกสีครั้งแรก

โดยเว้นโคนผมไว้ก่อน ผมค่อนข้างยาว เลยต้องใช้เวลานานหน่อย แต่โชคดีตรงที่ ไม่ค่อยได้ทำสีผม ฟอกรอบแรกจะได้สีเหลืองๆ


ฟอกครั้งที่สอง โดยเน้นตรงปลายผม เพราะเคยทำสี จะฟอกออกยากกว่าตรงโคน

ในการฟอกแต่ละครั้งใช้เวลาค่อนข้างนาน และในที่สุดก็ฟอกครั้งที่สาม ตอนนี้เริ่มแสบฝุดๆ คันหัวมาก…จะสวยก็ต้องอดทนนะจ้ะ

ฟอกครั้งทีสาม คงไปต่อไม่ไหวแล้ว ส่วนของโคนและผมใหม่จะออกขาวๆ ส่วนปลายผมจะเป็นออกสีทองๆ หน่อย จากนั้นก็ไดร์ผมให้แห้งแล้วย้อมสีเทาต่อเลยค่า

ฟอกสีผมมาเกือบทั้งวัน เพราะแต่ละครั้งก็ใช้เวลาชั่วโมงกว่า ตอนนี้ก็เย็นๆ ประมาณ 5 โมงเกือบ 6 โมง ก็ได้เวลาย้อมสีเทาแล้ว

เริ่มย้อมกันเลยย!!

ใช้สีผมของ Schwarzkopf Professional IGORA Royal




ย้อมทิ้งไว้ประมาณชั่วโมงกว่า แต่มันจะแสบๆ คัน ตามสไตล์ยาย้อมผมอยู่แล้ว หลังจากย้อมเสร็จก็ไปสระ แล้วไดร์ให้แห้งง ก็เสร็จแล้วค่า

เสร็จแล้ววววววววววววววววววววววววววว!!! เสร็จตอนประมาณสองทุ่ม กับการย้อมผมสีเทาครั้งแรก ใครอยากได้สีนี้ต้องมีความอดทนสูงจริงๆ นะ เซ็ตผมสักนิด 

ปังมากขอบอก  แต่ในรูปสีที่ได้ค่อนข้างอ่อนๆ เทาควันบุหรี่ ถ้าสีเข้มกว่านี้อีกนิดนึง ก็จะได้อีกลุคที่สวยเหมือนกัน ลองบอกช่างดูละกันค่ะ ว่าขอสีเข้มๆ หน่อย คงจะสวยไปอีกแบบ

บำรุงผมด้วยแชมพู/ครีมนวด

หลังจากนี้ผมเสียแน่นอน ต้องคอยบำรุงด้วยครีมนวด และทรีตเม้นต์ และเลือกใช้แชมพูสูตรพิเศษสำหรับผมทำสี จะช่วยให้สีผมติดทนนานขึ้น ต่อจากนี้ถ้าสีเฟดออก ก็เติมสีได้เองด้วยนะ สวยๆ เริ่ดๆ !!!

Schwarzkopf Professional BC Bonacure Color Freeze Silver Shampoo (590 บาท มีจำหน่ายในซาลอนที่มีเครื่องหมาย Schwarzkopf) แชมพูสำหรับผมทำสีโทนเย็น อย่างสีเทา หรือสีพาสเทล เพื่อช่วยให้สีอยู่ได้คงทนยิ่งขึ้น

อยากสวย เราช่วยได้!!!!

ใครที่อยากเปลี่ยนแปลงลุคของตัวเอง เพียงเล่าประวัติสั้นๆ แล้วส่งรูปของคุณมาให้เราที่ Lisaeditor@burda.co.th รับรองว่าคุณจะสวยขึ้นในพริบตา
ขอขอบคุณ
http://www.lisaguru.com/
Schwarzkopf Professional
คุณไพบูลย์ ธัมมะปัตโต Creative Hair Stylist
คุณประสม เมืองพิน, คุณกนกพัชร โพธิชม Senior Technician
ร้าน Ruengrit BKK สาขาสยามสแควร์ วัน ชั้น 6 โซน winter โทร. 02-252-3312



วิธีง่ายๆ เพื่อจะดูว่าผิวของคุณอยู่ในโทนสีอะไร ทำได้โดยสังเกตสีผิวผ่านแสงแดดธรรมชาติ ถ้าผิวของคุณอยู่ในโทนชมพู, ฟ้า หรือแดง แสดงว่า undertone ผิวของคุณคือโทนเย็น แต่ถ้าคุณเห็นผิวของคุณดูออกไปในโทนสีทองหรือสีเหลืองแสดงว่า undertone ผิวของคุณคือโทนร้อน หรือเช็คจากเส้นเลือดใต้ผิวหนังของคุณ (สังเกตจากฝ่ามือด้านบนดู)
 ถ้าเส้นเลือดดำของคุณดูเหลือบไปทางสีฟ้า แสดงว่า undertone ผิวของคุณคือโทนเย็น
แต่ถ้าเส้นเลือดดำที่คุณเห็นเป็นสีเขียว แสดงว่า undertone ผิวของคุณคือโทนร้อน
แต่ถ้าสุดท้ายแล้วคุณไม่สามารถแยกได้ว่าสีผิวคุณเป็นโทนร้อนหรือโทนเย็น แสดงว่าคุณมี undertone เป็นสีผิวธรรมชาติ ซึ่งนั่นหมายถึงว่าสีผิวของคุณสามารถเข้าได้กับทุกสี...

สาวผิวขาวอมชมพู


สาวผิวขาวอมชมพูๆ เหมาะกับการทาสีทาเล็บโทนสีเย็นๆ มากที่สุด เช่นสี อมม่วง สีน้ำเงินเข้มเป็นต้น เพราะจะทำให้สีทาเล็บของคุณนั้นดูโดเด่นขึ้นมาทันทีและขับสีผิวขาวๆ ของคุณเป็นอย่างมากอีกด้วยดังนั้นสาวคนไหนที่มีสีผิวขาวอมชมพูแนะนำให้เลือกซื้อยาทาเล็บสีเย็นๆ สีเข้ม หวานๆ เข้าไว้รับลองว่าสวยอย่างแน่นอนเลยจ้ะ

สาวผิวอมเหลือง


สาวผิวสีอมเหลือง สีผิวแบบคนเอเชียบ้านเราโดยส่วนมากสีที่เหมาะที่สุดนั่นก็ คือ สีโทนสว่างๆ เช่นสีชมพู สีส้ม เป็นต้นเพราะสาวผิวสีนี้มีผิวออกเหลืองจึงควรเลือกสีทาเล็บที่ทำให้สีผิว และ สีเล็บโดเด่นสักหน่อย

สาวผิวคล้ำอมเหลือง


    สาวผิวคล้ำออกเหลืองๆ เหมาะกับสีทาเล็บโทนอบอุ่นเป็นอย่างมาก คุณควรที่จะเลือกสีท้เล็บที่เป็นสีออกทองๆ จะดีที่สุด หรือ สีน้ำตาลทองๆ มุกๆ เป็นต้นนั่นเอง

สีผิวคล้ำ หรือ สีผิวดำแดง



สีผิวคล้ำ หรือ สีผิวดำแดง เหมาะกับสียาทาเล็บโทนสีเข้มๆ เช่น สีแดง สีชมพู สีที่เด่นๆ เป็นต้นเพราะถ้าคุณทาสีอ่อนๆ ไปก็จะทำให้ไม่มีความโดเด่นเลยสักนิดเพราะฉะนั้นสาวผิวสีคล้ำ หรือ สีผิวดำแดง ควรที่จะเลือกใช้ยาทาเล็บที่เป็นสีแรงๆ ปรี๊ดๆ หน่อยจะดีมาก

ขอบคุณข้อมูลจาก http://beautifulstarthere.com/


รองพื้นถือเป็นเครื่องสำอางสำคัญหนึ่งชิ้น เพราะรองพื้นเหมือนเป็นโปรแกรมตบแต่งภาพติดตัวสาวๆเลย ถ้าเกิดมีสิว มีผด ผื่น ฝ้า กระ ก็สามารถใช้รองพื้นนี้กลบได้อย่างเรียบเนียนเลย แต่น่าเศร้าที่สาวๆหลายๆคนยังเลือกรองพื้นผิด แทนที่จะกลายเป็นสวยกลับเป็นสยองก็ว่าได้ วันนี้เลยนำทริคเด็ดในการเลือกรองพื้นให้ตรงกับสีผิวมาฝากสาวๆจ้ะ จะได้หมดปัญหาหน้าเทา หน้าลอยไปได้ และทำให้ผิวดูธรรมชาติสุดๆ

1. ถ้าไม่แน่ใจ ให้เลือกสีที่เข้มกว่า


สาวๆหลายคนมักจะเลือกรองพื้นที่ขาวกว่าสีผิวเพราะอยากได้หน้าขาว ทำให้ปัญหาหน้าลอยตามมา ทางที่ดีสาวๆถ้าสาวๆลังเลระหว่างรองพื้นสองสีที่ใกล้เคียงกับสีผิวมากๆ สาวๆควรเลือกสีที่เข้มกว่าสีผิวนะคะ (แต่อย่าเข้มกว่าถึง 2-3 เฉดสีนะคะ เดี๋ยวหมอง)

2. อย่าเทียบสีรองพื้นกับสีที่มือเด็ดขาด !!

ถ้าสาวๆลองสังเกตดู สีผิวตรงมือและสีผิวตรงหน้าของเราจะไม่เท่ากัน เพราะส่วนมือของเราอาจจะโดนแดดเยอะกว่า และสีอาจจะเข้มกว่าผิวหน้าค่ะ ทางที่ดีสาวๆควรลองรองพื้นบริเวณคางหรือคอนะคะ สีผิวส่วนนั้นจะเป็นส่วนที่ใกล้เคียงกับสีผิวหน้าที่สุด

3. เลือกตามคอ ไม่ใช่ตามหน้า


รองพื้นเป็นเครื่องสำอางสำหรับใบหน้าก็จริง แต่ถ้าหากสาวๆเลือกสีรองพื้นตามใบหน้า ก็อาจจะเกิดเส้นตัดกันระหว่างหน้ากับคอเพราะสีผิวไม่เท่ากันได้ สาวๆควรเลือกรองพื้นที่ใกล้เคียงกับสีผิวคอมากกว่าสีผิวหน้านะคะ จะได้ลุคที่เป็นธรรมชาติมากกว่า

4. ไม่จำเป็นต้องใช้รองพื้นให้ทั่วหน้า

สาวๆอาจจะใช้รองพื้นแค่บริเวณส่วนที่ต้องการปกปิด เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาหน้าเป็นคราบ เป็นสังขยาเยิ้มภายหลัง อีกทั้งยังดูใสๆ เป็นงานผิว ไม่ดูโบกหนามาด้วยค่ะ
4 ทริคง่ายๆแค่นี้ก็จะทำให้สาวๆได้มีรองพื้นที่ตรงกับเฉดสีผิวของตัวเองแล้วนะคะ และด้วยเวทย์มนต์ของรองพื้นที่ตรงกับสีผิวแล้วเนี่ย นอกจากจะไม่ดูเป็นตัวตลกแล้ว ยังทำให้ผิวของสาวๆดูเหมือนผิวจริง จนบางทีเราอาจจะหลอกคนรอบข้างว่า “ผิวฉันดีตั้งแต่เกิด” เลยก็ได้นะคะ อิอิ
แปลและเรียบเรียงโดย raraROBYN
ที่มา womenshealthmag


อีกหนึ่งสิ่งสำคัญของเทคนิคในการตกแต่งคิ้ว นั่นก็คือ การตกแต่งรูปทรงคิ้วให้เข้ากับรูปหน้าของแต่ละคน โดยรูปแบบการเขียนคิ้วตามสไตล์สาวเกาหลีจะแบ่งออกเป็น

          STRAIGHT หรือการเขียนคิ้วแบบตรง เป็นสไตล์ที่นิยมมากๆ สำหรับสาวเกาหลี คิ้วแบบนี้จะมีลักษณะเป็นแนวตรง ไม่โค้งไปตามรูปหน้า โดยความยาวของคิ้วจะไม่ยาวมาก และไม่เน้นการลากหางคิ้วยาวๆ ตัวแทนสาวคิ้วตรง เช่น คิม แทยอน , ปาร์ค เซอึล และ คิม แตฮี


SOFT ARCH เขียนคิ้วให้หางตกเล็กน้อย การเขียนคิ้วแบบนี้จะคล้ายๆ กับการเขียนคิ้วแบบตรง แต่จะเน้นเขียนให้หางคิ้วตกลงมานิดหน่อย เพื่อเสริมให้ใบหน้าดูอ่อนหวาน แถมได้ลุคสาวแบ๊วอีกด้วย สาวเกาหลีที่ชอบเขียนคิ้วสไตล์นี้ เช่น นานะ วง After School, คริสตัล จอง  และทิฟฟานี ฮวัง


HIGH ARCH เขียนคิ้วให้หางคิ้วโก่งขึ้น การเขียนคิ้วสไตล์นี้จะทำให้ใบหน้าดูคมขึ้นกว่า 2 แบบแรก โดยวาดให้บริเวณช่วงปลายคิ้วโก่งขึ้นมาเล็กน้อย แต่ความหนาและความยาวของคิ้วจะยังคล้ายกับ 2 แบบแรก คือไม่ต้องวาดให้ยาวมาก วาดแค่พอดีระยะดวงตาของเราก็พอ สาวเกาหลีที่ชอบเขียนคิ้วสไตล์นี้ เช่น พักฮเยมิน หรือ โพนี่ เมคอัพอาร์ททิสและบล็อกเกอร์สาวคนดัง และ นักร้องสาวสุดเซ็กซี่ ซีแอล 


     
ขอบคุณข้อมูลจาก : Mille

คุณสาวๆที่รักความสวยงาม และชื่นชอบให้ใบหน้าของตัวเองขาวใสอยู่ตลอดเวลานั้น ย่อมต้องเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้างว่าเจ้ามะเขือเทศที่เรารู้จักกันดีนั้น มีสรรพคุณที่สามารถช่วยทำให้หน้าขาวใสขึ้น ซึ่งบทความชิ้นนี้ได้ทำการรวบรวมข้อมูลว่าเจ้ามะเขือเทศสามารถช่วยให้หน้าขาวใสขึ้นได้อย่างไร รวมไปถึงวิธีการต่างๆในการนำมะเขือเทศมาใช้เพื่อเสริมความงาม เพื่อให้คุณสาวๆได้มีใบหน้าที่ขาวใสสวย ปิ๊งได้อย่างๆง่ายๆด้วยตัวเอง

มะเขือเทศช่วยทำให้หน้าขาวใสขึ้นได้อย่างไร

ในมะเขือเทศจะมีส่วนประกอบของสาร Curotenoid และวิตามินอีกหลายชนิด เช่น วิตามินเอ ซึ่งช่วยในการสร้างสุขภาพผิวที่ดี และยังช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกินออกไป วิตามินซี วิตามินอี เป็นต้น น้ำจากผลมะเขือเทศสุกจะมีสาร Licopersioin ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ รวมไปถึงกรด AHA ด้วยส่วนประกอบเหล่านี้ทำให้มะเขือเทศจึงมีสรรพคุณในการช่วยสมานผิว ลดรอยเหี่ยวย่น และจุดด่างดำให้น้อยลง อีกทั้งยังช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่คล้ำเสียเสื่อสภาพให้หลุดออก ทำให้ชั้นผิวใหม่ที่เกิดขึ้นมาดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น



การนำมะเขือเทศมาใช้ในการบำรุงใบหน้าให้ขาวใส

มะเขือเทศถูกนำมาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยในการบำรุงรักษาความงามของผิวพรรณมาตั้งแต่อดีต ซึ่งคุณสาวๆสามารถที่จะเลือกนำวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองไปใช้ได้ ดังต่อไปนี้

1.มะเขือเทศสดพอกหน้า โดยการนำมะเขือเทศสุกมาทำการฝานให้เป็นแผ่นบางๆ และแปะลงบนผิวหน้าในบริเวณที่ต้องการทำการพอกได้โดยตรง ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที สามารถทำได้เป็นประจำทุกสัปดาห์






  2.ครีมมะเขือพอกหน้า โดยการนำมะเขือเทศไปปั่น หรือบดให้ละเอียด จากนั้นให้ทำการกรองเอาแต่น้ำ แล้วผสมเข้ากับส่วนประกอบอื่นๆที่มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงผิวพรรณ เช่น ข้าวโอ๊ต รำข้าว เป็นต้น เมื่อทำการผสมจนเข้าเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ให้ทำการล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง จากนั้นให้ทำการพอกครีมมะเขือเทศทิ้งเอาไว้ประมาณ 15-30 นาที แล้งจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด








 3.การถูใบหน้าด้วยมะเขือเทศสุก นำมะเขือเทศสุกมาฝานเป็นชิ้นหนาๆ ขนาดพอดีมือ จากนั่นนำชิ้นมะเขือเทศเหล่านั้นทำการถูให้ทั่วใบหน้า และลำคอเบาๆ โดยพยายามเน้นในบริเวณที่มีสิวเสี้ยน เช่น จมูก คาง เป็นต้น ทำการขัดถูใบหน้าประมาณ 5-10 นาที แล้วพักหน้าทิ้งเอาไว้ประมาณ 5 นาที จึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำเย็น


  4.ดื่มน้ำมะเขือเทศ การดื่มน้ำมะเขือเทศเป็นประจำทุกวันเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยทำให้ใบหน้าขาวใสขึ้นได้  แต่สำหรับคุณสาวๆที่พึ่งหัดทานน้ำมะเขือเทศใหม่ๆอาจจะยังทำใจรับกับรสชาติไม่ได้ จึงขอให้แนะนำว่าให้ลองผสมน้ำมะเขือเทศกับน้ำหวานเฮลบลูบอย หรือผสมกับยูนีฟสีเขียว 100 % จะช่วยทำให้มีรสชาติที่ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันก็มีน้ำมะเขือเทศสำเร็จรูปออกมาวางจำหน่ายอยู่เป็นจำนวนมาก จึงช่วยทุ่นเวลาในการเตรียมวัตถุดิบในการทำน้ำมะเขือเทศเพื่อดื่มเองของคุณสาวๆไปได้มากทีเดียว แต่สำหรับคุณสาวๆที่อยากทำน้ำมะเขือเทศดื่มด้วยตัวเองก็สามารถทำได้อย่างง่ายๆ เพียงแค่ล้างมะเขือเทศประมาณ 3-6 ผลให้สะอาด หั่นให้เป็นชิ้นพอประมาณ จากนั้นนำไปใส่เครื่องปั่นพร้อมกับเติมน้ำเชื่อม น้ำเปล่า เกลือ แล้วปั่นให้ละเอียด เพียงเท่านี้ก็จะสามารถได้น้ำมะเขือเทศที่พร้อมดื่ม และสำหรับในหน้าร้อนแบบนี้ ก็ยังสามารถประยุกต์เป็นน้ำมะเขือเทศปั่น โดยการเติมน้ำแข็งลงไปในระหว่างที่ทำการปั่นได้อีกด้วย




  5.การรับประทานมะเขือเทศสดๆ การรับประทานมะเขือเทศสดๆเป็นประจำทุกวัน วันละ 1-2 ผล นอกจากจะช่วยทำให้ใบหน้าขาวใสขึ้นแล้ว ยังช่วยในการลดความอ้วน และช่วยให้คุณสาวๆมีสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย



อยากได้เทคนิคหน้าใส ไม่ต้องไปไหนไกล แค่เดินเข้าครัวก็มีครบทุกอย่างให้ใช้หน้าใสสวยปังได้ทุกคน




เวลาเรานึกอยากจะโมดิฟายหน้าของเราขึ้นมา สิ่งแรกที่คิดๆ กันก็คงหนีไม่พ้นครีมหน้าใส ไวท์เทนนิ่งทั้งหลายที่มีอยู่ตามตลาดทั่วไปใช่มั้ยล่ะ แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ว่า " ของดี " จริงๆ อยู่ไม่ไกลจากตัวคุณเลย แล้วก็ไม่ต้องจ่ายเงินเยอะด้วย



1. โยเกิร์ต

แค่โยเกิร์ตธรรมดาๆ เธอก็สามารถทาผิวหน้าได้โดยตรงเลยเพราะมันมีคุณประโยชน์ในตัวมันอยู่แล้ว นอกจากจะทำให้ผิวกระจ่างใสแล้ว ยังมีโปรตีน แคลเซียม โปรไบโอติกส์ และวิตามินดี ที่จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและชะลอริ้วรอยแห่งวัย ประโยชน์ของโยเกิร์ตยังไม่หมดแค่นั้น เพราะมันยังช่วยรักษาเรื่องสิวและรอยไหม้จากแสงแดดได้ด้วย คุ้มจริงๆ!



2. น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล ( Apple Syrup Vinegar )

เจ้าแอปเปิลไซรัปเวเนก้าหรือน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลนี้มีกลีคอลซึ่งเป็นเหมือนส่วนประกอบที่ทำให้ผิวสดใส กรดที่อยู่ในน้ำส้มสายชูจะช่วยลดรอยหมองคล้ำของผิวผ่านการหลุดลอก ดังนั้นวิธีการที่เธอต้องทำคือผสมน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ลแค่ครึ่งช้อนชากับน้ำเปล่า จากนั้นเอาสำลีจุ่มแล้วเช็ดหน้าเบาๆ วิธีนี้จะช่วยให้ผิวใสและลดรอยหมองคล้ำได้



3.ส้ม

ส้มมีคุณสมบัติในการฟอกซึ่งจะช่วยให้ผิวใสและลดรอยหมองคล้ำ ลองขูดเปลือกส้มผสมโยเกิร์ตและทาหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็นก็จะได้หน้ากระจ่างใสปิ๊งขึ้นมาทันทีเลยล่ะ



4.มะละกอ

มะละกอนอกจากจะช่วยให้ผิวใสแล้วยังช่วยกระชับผิวหนังด้วยเนื่องจากมีวิตามิน A E และ C ซึ่งจะช่วยต่อต้านกระบวนการแก่ตัวของผิวหนัง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดควรใช้เนื้อมะละกอโดยตรงกับผิวเลย ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น




5.นม

นมช่วยลดการผลัดสีผิวและทำให้ผิวกระจ่างใสเป็นเวลานาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ขอแนะนำให้ใส่ขมิ้นลงไปด้วยประมาณหยิบมือหนึ่ง จุ่มด้วยสำลีแล้วแตะๆ ไปบนผิว วิธีนี้ทำให้ผิวสะอาดและช่วยให้ชุ่มชื้นไปพร้อมๆ กันเลย นมถือเป็นส่วนผสมที่สุดยอดที่สุดแล้วสำหรับใครที่ต้องการให้ผิวกระจ่างใสและชุ่มชื้น




6.น้ำผึ้ง

น้ำผึ้งก็เป็นอีกตัวที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและรักษาผิวให้ชุ่มชื้น อีกทั้งด้วยคุณสมบัติที่มีการต่อต้านแบคทีเรียได้ ทำให้น้ำผึ้งช่วยระงับกระบวนการชราของผิว ลดรอยคล้ำจากสิว แค่ผสมน้ำมะนาวเพียงสองสามหยดกับน้ำผึ้งแล้วทาหน้า จากนั้นก็ล้างด้วยน้ำเย็น รับรองใสปิ๊งสวยเป๊ะ




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แล้วถ้าสาวๆ คนไหนมีเคล็ดลับหรือสูตรเด็ดๆ เพื่อผิวสวยๆ อื่นๆ ก็อย่าลืมมาแบ่งปันกันบ้างนะ ขอให้สวยใสหน้าปิ๊งกันทุกคนจ้า


ขอบคุณข้อมูลจาก : http://sistacafe.com